วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 7)

ตอนที่  7  เพลงเศร้าต้องเข้าใจ  (วันจันทร์  ที่  16  มกราคม  2555 เวลา 15:15)


ความรักเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่คนเรามักให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ  ของชีวิตกันเลยก็ว่าได้  สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี


นั่นก็คือบทเพลง


คนที่เพิ่งรักกันใหม่ๆ  เมื่อฟังเพลงรักทีไรก็มักยิ้มได้โดยไม่มีเหตุผลบางคู่ที่รักกันมานาน  เมื่อได้ยินเพลงรักอาจไม่ซึ้งกินใจเหมือนเมื่อก่อนแม้จะเป็นเพลงที่ทั้งคู่เคยโปรดปรานแค่ไหนก็ตามส่วนคนที่เพิ่งอกหักรักไม่สมหวัง


พอได้ยินเพลงงรักเมื่อไหร่.......น้ำตาก็พาลจะไหลทุกที


เพราะเพลงรักในยามที่หัวใจเป็นปกติ.....มันคือเพลงที่ฟังแล้วเพราะเพลงหนึ่งเท่านั้น  แต่เพลงรักในยามที่คนเราอกหัก......มันกลับเป็นเพลงที่เศร้าบาดขั้วหัวใจให้ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกจนเราแทบทนไม่ไหว  ยิ่งหากใครที่อารมณ์อ่อนไหวง่ายฟังเพลงเศร้าช่วงนี้ทีไรแทนที่จะหายเศร้า  อาการยิ่งหนักไปกันใหญ่ทุกที  แต่โลกนี้ก็ยังมีเพลงรักอีกมากมายที่มีความหมายดีๆ  ที่เมื่อฟังแล้วทำให้รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นได้


แม้ในยามที่หัวใจอ่อนล้าก็อาจเรียกความมันใจกลับมาได้เช่นกัน  มันจึงอยู่ที่การเลือกและมุมมองของแต่ละคนรวมทั้งความน่าเชื่อถือของเราด้วย.......


ฟังเพลงเศร้าแล้วอย่าเอามาเข้าตัวเลย   ไม่มีใครแต่งเพลงรักเพลงนี้  


เพื่อเราโดยเฉพาะแค่คนเดียวหรอก

เราอาจจะอยู่ในอารมณ์นั้นเหมือนในเพลงก็จริง  แต่อย่าเอาตัวเองไปเป็นส่วนหนึ่งของมันโดยไม่จำเป็น  แม้รู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่ใช่ในความรู้สึกของเรา  จงฟังมันเพื่อจรรโลงใจ  เพื่อบำบัดอารมณ์และเพื่อความบันเทิงใจ  ไม่ใช่เพื่อทำร้ายตัวเราเอง.......โลกนี้สร้างเสียงเพลงขึ้นมาเพื่อให้คนเรามีความสุขไม่ใช่ให้เราเข้าใจในความรักที่เจ็บปวดเท่านั้น  ไม่ใช่มีไว้เพื่อทำร้ายตัวเอง : ))


วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 6)

ตอนที่ 6  เหตุผลเพื่อจะรัก  เหตุผลเพื่อจะเลิก  (วันจันทร์  ที่  16 มกราคม 2555)


เหตุผลเพื่อจะรัก

  • แม้เธอจะไม่ได้เป็นคนดีในสายตาใคร  แต่ในสายตาฉันเธอดีที่สุดเสมอ
  • ไม่ว่าเธอจะขี้เหร่แค่ไหน  แต่ฉันก็มองข้ามได้เพราะหัวใจที่งดงามข้างใน
  • ไม่ว่าเธอจะทำให้ฉันเสียใจมากแค่ไหน  แต่ฉันก็จะรักเธอต่อไป
  • ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้รักฉันแล้ว  แต่ช่างมันเถอะแค่ฉันได้รักเธอก็พอ>......< 


เหตุผลเพื่อจะเลิก
  • แม้ว่าที่ผ่านมาเราจะไปกันได้ดี  แต่วันนี้ฉันเจอหนทางใหม่ที่ดีกว่า
  • ฉันรู้ว่าเธอรักฉันมากแค่ไหน  แต่ฉันเสียใจที่ต้องบอกว่าฉันไม่ได้รู้สึกกับคำนี้เลย
  • เราคงไปด้วยกันไม่ได้  เธออาจจะเจอใครที่ดีกว่าฉันในสักวัน 
  • เธอดีเกินไป........

ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลเพื่อจะรักหรือจะเลิกก็มีร้อยแปดพันประการ  ซึ่งเราสามารถนำมาเป็นข้ออ้างได้ทั้งนั้นบ้างเกิดจากทัศนคติส่วนตัวแต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากอารมณ์ความรู้สึกที่เอาตัวเองเป็นใหญ่


ต่างฝ่ายต่างคิดว่าเหตุผลของตัวเองนั้น  ถูกต้องและดีกว่าของอีกฝ่าย  แต่ลืมไปว่าความรักไม่ใช่การเอาชนะกัน


และบ้างทีการหาเหตุผลดีๆ  ของกันและกัน  เพื่อที่จะทำให้ได้รักกันต่ออาจจะดีกว่าการหาเหตุผลที่แย่ๆ  ของอีกฝ่ายเพื่อที่จะเลิกร้างกัน  คนเราย่อมมีข้อดีเสียแตกต่างคละเคล้ากันไปไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบ  อยู่ที่ว่าเราจะมองในจุดไหนของเขาและเรารู้สึกอย่างไรกับมันมากกว่า......


การยกเหตุผลต่างๆ นานนามาเป็นข้ออ้าง  เพื่อที่จะรักหรือเลิก
ถึงแม้ข้ออ้างนั้นจะสวยหรูเพียงใด  แต่สุดท้ายถ้าต้องลงเอย  
ด้วยการต้องเลิกรากัน


ก็ล้วนแต่นำมาซึ้งความเจ็บปวดใจเหมือนกันทั้งนั้น  แต่หากเป็นเหตุผลที่จะทำให้เรารู้สึกดีกับความรักก็แค่เพียงทบทวนให้ดีว่าไม่ได้กำลังหลอกตัวเองไปวันๆ  เพราะท้ายที่สุดตอนจบของเรื่องอาจทำให้เราเจ็บช้ำยิ่งกว่า : ((

โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 5)

ตอนที่  5  การเลิกราเป็นทางออกของปัญหาแน่นอนหรือ (วันจันทร์  ที่  16  มกราคม  2555)


ปัญหาหนึ่งของคนที่รักกันมาสักระยะมักเจอเหมือนกันก็คือ  อยากมีความสุขกับความรักให้มากกว่าที่เป็นอยู่ดังนั้นทุกครั้งที่ความรักมีปัญหาหรือต้องทะเลาะกัน  สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักจะคิดเสมอ  คือ  การเลิกราให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเสียทีเพราะคิดว่าคงจะดีกว่าการเสียเวลาให้กับความรักที่เหลือก็แต่เพียงรสขมจริงอยู่ที่เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข  การปล่อยมือแล้วแยกทางกันเดิน  เพื่อไปตามทางของใครของมัน  น่าจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด  แต่ผมว่าบางทีสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าการตัดสินใจเลิกรากันง่ายๆ  ก็คือ  ความพยายาม


ความพยายามของทั้งสองคนที่เผชิญกับปัญหา  อดทนกับมันอย่างตรงไปตรงมาและช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรค  ไม่ว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหน  เราเคยพยายามกันอย่างทั่วถึงที่สุดแล้วหรือยัง ?




เพราะแม้วันนี้เราจะเลิกคบกันไปจริงๆ  แต่หากในวันข้างหน้าเราคบกับคนใหม่ก็อาจจะเจอกับปัญหาใหม่ๆ  ที่รออยู่ข้างหน้าอีก  อย่าลืมว่าปัญหาไม่ได้จบลง  พร้อมๆ  กับการเลิกรากันแต่อย่างใด  เพราะบางคนแม้เลิกรากับคนเก่าไป  ก็ใช่ว่าจะมีความรักที่ีดีกับคนใหม่ได้  บางคนมีแนวโน้มที่จะเลิกกับคนรัก  บ่อยกว่าคนอื่นด้วยซ้ำไป  ผมว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเครื่องชี้วัดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคุณภาพความรักว่าคนรักกันที่ยอมเลิกรากันง่ายๆ  เพียงเพราะปัญหาเล็กๆ  น้อยๆ  นั้นเป็นคนไม่มีคุณค่ามากพอที่จะฝากความรักความจริงใจไว้ให้  เพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง  สิ่งที่พวกเขาทำได้และคุ้นเคยคือ  การมองหาเป้าหมายใหม่อยู่เรื่อยไปอันที่จริงผมไม่ต้องการสนับสนุนให้ใครต้องดันทุรังคบกันแต่อย่างใด  ถ้าหากไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะทำอย่างนั้น  ผมอยากให้คนสองคนที่รักกันได้ทบทวนว่า  ที่ผ่านมาเราเคยที่จะช่วยแก้ไขปัญหาอย่างถึงที่สุดแล้วหรือยัง ?  เคยคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาบ้างหรือเปล่า ?  เคยยอมรับในกันและกันมากแค่ไหน ?  เคยคิดที่ปรับปรุงตัวเอง  เพื่อความรักบ้างหรือเปล่า ?


ความรักจะอยู่กับเราได้สั้นหรือยาว  จะสุขหรือทุกข์  หัวเราะหรือร้องไห้  อิ่มใจหรือเศร้าใจ......ไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง  คนสองคนต่างหากที่ต้องช่วยกัน


การเลิกรานั้นเป็นเรื่องง่าย  ที่อาจใช้เวลาไม่ถึงนาที


แต่กว่าที่เราจะปลูกต้นรักให้มันงดงามอีกที  ต้องใช้เวลายาวนานกว่านั้นมาก 


ฉะนั้นจงคิดให้ดีก่อนที่จะบอกคำๆ  นั้นออกไปคิดให้รอบคอบว่ามันเป็นทางออกของปัญหาจริงหรือ ?
เพราะเมื่อตัดสินใจไปแล้วเราเองนั่นแหละอาจต้องมานั่งเสียใจเอง  พูดออกไปแล้วคิดจะดึงมันกลับคืนคงเป็นไปไม่ได้  อยากจะลบคำพูดนั้นออกไปจากหัวใจเขา......มันก็อาจจะสายเกินไป........



โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 4)



ตอนที่  4  ไม่แคร์แย่กว่าเลิกกัน


การที่ใครสักคนจะได้ชื่อว่าเป็น  แฟน  เรา  เชื่อนะว่าคนคนนั้นย่อมเป็นคนที่มีคุณค่าต่อจิตใจและมีความหมายต่อชีวิตของเราไม่น้อยทุกการกระทำทุกคำพูดพูดรวมถึงทุกอาการที่สื่อสารไปถึงอีกฝ่าย  จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนจำเป็นต้องใส่ใจเป็นอย่างดี  เพื่อให้สิ่งต่างๆ  ที่ไม่ดี  กระทบกับความรักที่เรามีต่อกันให้น้อยที่สุดเหมือนตอนที่คบกันใหม่ๆ  เราต่างประคบประหงมความรักกันเป็นอย่างดี  ไม่เคยผิดนัด  ไม่เคยผิดสัญญา  ไม่ทำให้เสียหน้า  ไม่ทำให้เสียใจ  หากงอนกันก็รีบง้อไม่ปล่อยข้ามคืน  เวลาทะเลาะกันก็รู้จักที่จะเอ่ยคำขอโทษทั้งที่ตัวเองไม่ผิด  รู้จักพูดคำว่าไม่เป็นไรหรอกเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากขอโทษ  ถึงวันสำคัญก็มักจะมีสิ่งที่ทำให้อีกคนประทับใจอยู่เสมอ  พาไปไหนก็ไ้ด้โดยไม่เคยบ่นสักคำ  แต่พอคบกันไปนานๆ  สิ่งต่างๆ  เหล่านี้  ก็ค่อยๆ  เลือนหายไป  สุดท้ายจากที่คิดว่าเราใส่ใจกันกลายเป็นอาการเย็นชาต่อกันเข้ามาแทน



การที่คนที่ได้ชื่อว่ารักกันเห็นหน้ากันทุกวัน  แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีความรักให้แก่กันอีกนั้น


มันทรมานยิ่งกว่าการต้องจบกัน  ด้วยการเลิกราเสียอีก



เพราะอย่างน้อยที่สุดจะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคาในหัวใจ  จะได้เริ่มทำใจและมีชีวิตใหม่เสียที  ถ้าต่างฝ่ายต่างยัง  รักกัน  อย่างจริงใจ  และรู้จักแคร์ความรู้สึกกันและกันให้มากกว่านี้


เพราะคนที่ได้ขึ้นชื่อว่ารักกันนั้น  ต้องทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราต่าง  คือ  คนสำคัญในชีวิตกันและกัน



เพื่อความรักจะได้ยืนยาวและลงเอยด้วยดี  อย่างที่ทั้งคู่ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ต้น



โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 3)

ตอนที่ 3  สิ่งที่คนรักกันเขาไม่ทำ


เคยได้ยินคู่รักบางคู่พูดกันบ่อยๆ ว่า  ยิ่งคบกันนานก็จะยิ่งรักกันมากขึ้นทุกที  พอๆ  กับได้ยินบางคู่บ่นออกมาว่ายิ่งคบกันนานความรักก็จะยิ่งจืดจางลงไปทุกวัน  ทั้งสองอย่างนี้มันมีโอกาสเกิดขึ้นเท่าๆ กัน  50:50  เพราะไม่ว่าเราจะแน่ใจแค่ไหนกับความรักก็มักจะมีเรื่องของความไม่แน่นอนเกิดขึ้นทุกวี่วันเช่นกันรวมถึงการจะเป็นคนรักที่ดีของกันและกัน  บางครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก  ความรักที่หอมหวานในวันนี้อาจจะขม  จนยากจะกินลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็ได้


ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกของหัวใจ  ถ้าเราไม่สามารถทำให้คนรักรู้สึกได้ว่า

เขา  คือ  คนสำคัญ


แล้วคำว่า " รัก "  จะมีความหมายอะไร  แม้ว่าการกระทำจะสะท้อนถึงความรู้สึกในใจที่มีต่อกัน  แต่ก็มีสิ่งต่างๆ  อีกมากมายที่คนที่ได้ขึ้นชื่อว่า " คนรักกัน"  เขาไม่ทำกันให้เจ็บใจ


ผมว่าสิ่งที่คนรักกันต้องให้ความสำคัญที่สุด  คือการเอาใจใส่ต่อความรู้สึกของคนที่ตัวเองรัก  เพราะนั่นเป็นเครื่องบ่งบอกว่า

เขาเป็นคนสำคัญของเราจริงๆ

ทั้งหมดนั้นไม่ใช่จะเป็นเพียงแค่คำพูดที่สวยหรูเท่านั้น  การกระทำที่ออกมาจากข้างในต่างหากที่เราควรตระหนักทุกครั้งก่อนที่จะทำอะไรลงไป

อย่าพูดแค่ว่า  "ไม่ได้ตั้งใจ"  แล้วคิดว่าทุกอย่างจะจบลงง่ายๆ  เพราะแผลที่บาดลึกในหัวใจ  รักษาด้วยคำพูดง่ายๆ  อย่างนี้ไม่ได้แน่นอน 

โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 2)



ตอนที่ 2  โปรโมชั่นของความรัก

ชีวิตรักก็คงเหมือนกับชีวิตการทำงาน  ตอนได้งานที่ใหม่แรกๆ  เราก็คิดว่าทุกอย่างที่นี่ดีกว่าที่เก่าไปเสียทุกอย่าง  นั่นก็ดีนี่ก็ใช่......ทำงานไปอย่างมีความสุข  แต่เมื่อผ่านช่วงเวลาหนึ่งไปแล้วทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมจากที่เคยคิดว่าจะเจอสิ่งที่ดีกว่าที่ทำงานเก่ากลับกลายมาเจอนรกขุมใหม่ที่เลวร้ายกว่าเดิมเสียอีกกับความรักนั้นแม้มันจะต่างกับการทำงานอยู่บ้าง  แต่ก็เหมือนกันตรงที่ว่าทุกอย่างมีขีดจำกัดของมัน  มีจุดสูงสุดและข้อจำกัดที่แต่ละคนมี  (ไม่เท่ากัน)  เช่นกัน


ดังนั้นจะดีที่สุดหากเราไม่หลงระเริง  กับความรักที่มีมากเกินไปในวันนี้  

หรือคิดน้อยใจหากรู้สึกว่า  ความรักที่ได้รับนั้นน้อยเกินควร


ไม่ว่าวันนี้ความรักจะดูหวานแหววสักแค่ไหน  หรือเมื่อถึงช่วงหมดโปรโมชั่นมันจะข่มขื่นเพียงใด  สิ่งที่สำคัญอยู่ที่ว่าเราจะมั่นคงกับความรักได้มากน้อยแค่ไหน  เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่บอกยากว่าตกลงเรายังรักกันอยู่หรือว่าหมดเยื่อใยกันแล้ว  เป็นบรรยากาศของความอึมครึมที่ปกคลุมความรู้สึกระหว่างกันและกัน  ความรู้สึกว่าห่างไกลกันเหลือกิน  แม้จะอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือถึงความน่าเบื่อหน่ายความน่ารำคาญเหล่านี้อาจเกิดจากการต้องเห็นกันจนชินตาเป็นแบบเดิมอยู่ทุกวัน  มันหมดลุ้นและไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป  สิ่งเล็กๆ น้อยๆ  เหล่านี้แม้มันอาจทำให้เราเจ็บปวดบ้างก็จริงแต่มันก็ไม่ได้เป็นเครื่องบ่งบอกว่า

เราสิ้นเยื่อขาดใยกันแล้วแต่อย่างใด


มันอาจเป็นเพียงช่วงของความสับสนของหัวใจ  เพราะเมื่อมาถึงจุดๆ  หนึ่งที่ต่างฝ่ายต่างเรียนรู้นิสัยใจคอกันพอสมควร

เป็นไปได้ว่าลึกๆ  แล้วอาจมีบ้างคนที่แต่ละคนจะคิดขึ้นมาแวบหนึ่งว่าจะไปต่อหรือจะแยกทางกันดี  เรียกว่าอยู่ในช่วงรอการตัดสินใจแต่เมื่อผ่านจุดนี้ไปได้  ทุกอย่างจะกลับมามีสีสันเหมือนเดิมหรือเข้าใจกันมากขึ้นเสียด้วยซ้ำหรือถ้าหากต้องจบกันไปจริงๆ  มันก็คงจะดีกว่าการคาราคาซังอยู่อย่างนี้  การพูดคุยกันด้วยเหตุและผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา  ย่อมดีกว่าการนิ่งเฉยแต่ทำร้ายใจกันตลอดเวลาแน่นอนแต่จะดีกว่าไหมถ้าเราจะหมั่นเติมเต็มให้กัน  ก่อนที่โปรโมชั่นความรักจะหมดลง  เพราะน้ำนิ่งในบ่อที่ไม่ได้รับการถ่ายเทหรือไหลเวียนบ้าง  น้ำนั้นจะเน่าเสียได้ง่ายกว่าน้ำที่ไหลอยู่ตลอดเวลา  ยิ่งเรารู้ใจตัวเอง  รู้ทันความรักเร็วเท่าไหร่  ความรักเราก็จะยิ่งยืนยาวยิ่งขึ้นเท่านั้น



photo  , 465x364 pixel , 97,975 bytes.


โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 1)

ตอนที่ 1 ความรัก  เริ่มต้นทำไมต้องสุข  จุดจบทำไมต้องเศร้า :(


ความรักของเราแต่ละคนอาจเริ่มต้นจากการพบกันโดยบังเอิญ  มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกันตอนไปงานเลี้ยง  งานวันเกิดเพื่อนทำงานที่เดียวกันหรือรู้จักมักคุ้นกันตั้งแต่ยังเด็ก  ไม่ว่าเราจะพบเจอกันด้วยเหตุการณ์แบบไหน  การเริ่มต้นของความรักก็มักเริ่มจากความสุขและความงดงามเสมอ  มีความทรงจำและความประทับใจในกันและกันจนต้องสานสัมพันธ์ต่อทำความรู้จักตั้งแต่ผิวเผินจนมาเป็นคนรักกันในที่สุด  แต่ใครจะไปรู้ว่าความรักครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร  ไม่ว่าจุดเริ่มต้นจะเป็นเช่นไร  สุดท้ายก็มีแต่ความเศร้้าอยู่ดี  แม้เราจะพยายามทำใจให้ยอมรับกับความไม่แน่นอนบ้างแล้วส่วนหนึ่ง  แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ ก็ไม่มีใครห้ามน้ำตาไม่ให้มันไหลได้เลยสักคน



ความรักนั้นมักถูกมองว่า  เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิต


จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะให้ความสำคัญกับมันมากเป็นพิเศษ  และพยายามสืบเสาะหาใครคนนั้นที่จะมาเป็นคู่ชีวิต  เพื่อที่จะร่วมสร้างความสุข  เสียงหัวเราะ  มอบรอยยิ้ม  มอบสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน  สร้างอนาคตที่สดใสใช้วันคืนและแบ่งปันความสุขความทุกข์ที่มีร่วมกัน  เมื่อถึึงวันนั้นเราจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทาง  เพื่อให้มันอยู่กับเราไปนานๆ



แต่ความรักมันก็เหมือนเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตที่เราได้แต่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้น  รักกันให้ดีๆ ทำแต่สิ่งดีๆ พูดแต่สิ่งดีๆ  มอบแต่สิ่งดีๆ ให้คนที่เรารัก  แต่มันจะลงเอยอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่อาจกำหนดผลได้จะหวังหรือผิดหวังก็เป็นเพียงสิ่งที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ทั้งสองทาง  เราคงไม่อาจไปทัดทานอะไรได้


หากเขาเป็นคนที่ใช่.........สุดท้ายมันก็คือใช่    แต่หากเขาไม่ใช่..........จะยื้ออย่างไร  

ก็คงอยู่กับเราได้ไม่นานนัก  : )


กับคำถามที่ว่าความรักมักเริ่มต้นด้วยความสุข  และจุดจบจะต้องเศร้า  จึงไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป......