ตอนที่ 7 เพลงเศร้าต้องเข้าใจ (วันจันทร์ ที่ 16 มกราคม 2555 เวลา 15:15)
ความรักเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่คนเรามักให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของชีวิตกันเลยก็ว่าได้ สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี
นั่นก็คือบทเพลง
คนที่เพิ่งรักกันใหม่ๆ เมื่อฟังเพลงรักทีไรก็มักยิ้มได้โดยไม่มีเหตุผลบางคู่ที่รักกันมานาน เมื่อได้ยินเพลงรักอาจไม่ซึ้งกินใจเหมือนเมื่อก่อนแม้จะเป็นเพลงที่ทั้งคู่เคยโปรดปรานแค่ไหนก็ตามส่วนคนที่เพิ่งอกหักรักไม่สมหวัง
พอได้ยินเพลงงรักเมื่อไหร่.......น้ำตาก็พาลจะไหลทุกที
เพราะเพลงรักในยามที่หัวใจเป็นปกติ.....มันคือเพลงที่ฟังแล้วเพราะเพลงหนึ่งเท่านั้น แต่เพลงรักในยามที่คนเราอกหัก......มันกลับเป็นเพลงที่เศร้าบาดขั้วหัวใจให้ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกจนเราแทบทนไม่ไหว ยิ่งหากใครที่อารมณ์อ่อนไหวง่ายฟังเพลงเศร้าช่วงนี้ทีไรแทนที่จะหายเศร้า อาการยิ่งหนักไปกันใหญ่ทุกที แต่โลกนี้ก็ยังมีเพลงรักอีกมากมายที่มีความหมายดีๆ ที่เมื่อฟังแล้วทำให้รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นได้
แม้ในยามที่หัวใจอ่อนล้าก็อาจเรียกความมันใจกลับมาได้เช่นกัน มันจึงอยู่ที่การเลือกและมุมมองของแต่ละคนรวมทั้งความน่าเชื่อถือของเราด้วย.......
ฟังเพลงเศร้าแล้วอย่าเอามาเข้าตัวเลย ไม่มีใครแต่งเพลงรักเพลงนี้
เพื่อเราโดยเฉพาะแค่คนเดียวหรอก
เราอาจจะอยู่ในอารมณ์นั้นเหมือนในเพลงก็จริง แต่อย่าเอาตัวเองไปเป็นส่วนหนึ่งของมันโดยไม่จำเป็น แม้รู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่ใช่ในความรู้สึกของเรา จงฟังมันเพื่อจรรโลงใจ เพื่อบำบัดอารมณ์และเพื่อความบันเทิงใจ ไม่ใช่เพื่อทำร้ายตัวเราเอง.......โลกนี้สร้างเสียงเพลงขึ้นมาเพื่อให้คนเรามีความสุขไม่ใช่ให้เราเข้าใจในความรักที่เจ็บปวดเท่านั้น ไม่ใช่มีไว้เพื่อทำร้ายตัวเอง : ))
JUNJIRA
วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555
โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 6)
ตอนที่ 6 เหตุผลเพื่อจะรัก เหตุผลเพื่อจะเลิก (วันจันทร์ ที่ 16 มกราคม 2555)
เหตุผลเพื่อจะรัก
เหตุผลเพื่อจะรัก
- แม้เธอจะไม่ได้เป็นคนดีในสายตาใคร แต่ในสายตาฉันเธอดีที่สุดเสมอ
- ไม่ว่าเธอจะขี้เหร่แค่ไหน แต่ฉันก็มองข้ามได้เพราะหัวใจที่งดงามข้างใน
- ไม่ว่าเธอจะทำให้ฉันเสียใจมากแค่ไหน แต่ฉันก็จะรักเธอต่อไป
- ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้รักฉันแล้ว แต่ช่างมันเถอะแค่ฉันได้รักเธอก็พอ>......<
เหตุผลเพื่อจะเลิก
- แม้ว่าที่ผ่านมาเราจะไปกันได้ดี แต่วันนี้ฉันเจอหนทางใหม่ที่ดีกว่า
- ฉันรู้ว่าเธอรักฉันมากแค่ไหน แต่ฉันเสียใจที่ต้องบอกว่าฉันไม่ได้รู้สึกกับคำนี้เลย
- เราคงไปด้วยกันไม่ได้ เธออาจจะเจอใครที่ดีกว่าฉันในสักวัน
- เธอดีเกินไป........
ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลเพื่อจะรักหรือจะเลิกก็มีร้อยแปดพันประการ ซึ่งเราสามารถนำมาเป็นข้ออ้างได้ทั้งนั้นบ้างเกิดจากทัศนคติส่วนตัวแต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากอารมณ์ความรู้สึกที่เอาตัวเองเป็นใหญ่
ต่างฝ่ายต่างคิดว่าเหตุผลของตัวเองนั้น ถูกต้องและดีกว่าของอีกฝ่าย แต่ลืมไปว่าความรักไม่ใช่การเอาชนะกัน
และบ้างทีการหาเหตุผลดีๆ ของกันและกัน เพื่อที่จะทำให้ได้รักกันต่ออาจจะดีกว่าการหาเหตุผลที่แย่ๆ ของอีกฝ่ายเพื่อที่จะเลิกร้างกัน คนเราย่อมมีข้อดีเสียแตกต่างคละเคล้ากันไปไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบ อยู่ที่ว่าเราจะมองในจุดไหนของเขาและเรารู้สึกอย่างไรกับมันมากกว่า......
การยกเหตุผลต่างๆ นานนามาเป็นข้ออ้าง เพื่อที่จะรักหรือเลิก
ถึงแม้ข้ออ้างนั้นจะสวยหรูเพียงใด แต่สุดท้ายถ้าต้องลงเอย
ด้วยการต้องเลิกรากัน
ก็ล้วนแต่นำมาซึ้งความเจ็บปวดใจเหมือนกันทั้งนั้น แต่หากเป็นเหตุผลที่จะทำให้เรารู้สึกดีกับความรักก็แค่เพียงทบทวนให้ดีว่าไม่ได้กำลังหลอกตัวเองไปวันๆ เพราะท้ายที่สุดตอนจบของเรื่องอาจทำให้เราเจ็บช้ำยิ่งกว่า : ((
โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 5)
ตอนที่ 5 การเลิกราเป็นทางออกของปัญหาแน่นอนหรือ (วันจันทร์ ที่ 16 มกราคม 2555)
ปัญหาหนึ่งของคนที่รักกันมาสักระยะมักเจอเหมือนกันก็คือ อยากมีความสุขกับความรักให้มากกว่าที่เป็นอยู่ดังนั้นทุกครั้งที่ความรักมีปัญหาหรือต้องทะเลาะกัน สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักจะคิดเสมอ คือ การเลิกราให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเสียทีเพราะคิดว่าคงจะดีกว่าการเสียเวลาให้กับความรักที่เหลือก็แต่เพียงรสขมจริงอยู่ที่เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข การปล่อยมือแล้วแยกทางกันเดิน เพื่อไปตามทางของใครของมัน น่าจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด แต่ผมว่าบางทีสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าการตัดสินใจเลิกรากันง่ายๆ ก็คือ ความพยายาม
ความพยายามของทั้งสองคนที่เผชิญกับปัญหา อดทนกับมันอย่างตรงไปตรงมาและช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรค ไม่ว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหน เราเคยพยายามกันอย่างทั่วถึงที่สุดแล้วหรือยัง ?
เพราะแม้วันนี้เราจะเลิกคบกันไปจริงๆ แต่หากในวันข้างหน้าเราคบกับคนใหม่ก็อาจจะเจอกับปัญหาใหม่ๆ ที่รออยู่ข้างหน้าอีก อย่าลืมว่าปัญหาไม่ได้จบลง พร้อมๆ กับการเลิกรากันแต่อย่างใด เพราะบางคนแม้เลิกรากับคนเก่าไป ก็ใช่ว่าจะมีความรักที่ีดีกับคนใหม่ได้ บางคนมีแนวโน้มที่จะเลิกกับคนรัก บ่อยกว่าคนอื่นด้วยซ้ำไป ผมว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเครื่องชี้วัดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคุณภาพความรักว่าคนรักกันที่ยอมเลิกรากันง่ายๆ เพียงเพราะปัญหาเล็กๆ น้อยๆ นั้นเป็นคนไม่มีคุณค่ามากพอที่จะฝากความรักความจริงใจไว้ให้ เพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง สิ่งที่พวกเขาทำได้และคุ้นเคยคือ การมองหาเป้าหมายใหม่อยู่เรื่อยไปอันที่จริงผมไม่ต้องการสนับสนุนให้ใครต้องดันทุรังคบกันแต่อย่างใด ถ้าหากไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะทำอย่างนั้น ผมอยากให้คนสองคนที่รักกันได้ทบทวนว่า ที่ผ่านมาเราเคยที่จะช่วยแก้ไขปัญหาอย่างถึงที่สุดแล้วหรือยัง ? เคยคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาบ้างหรือเปล่า ? เคยยอมรับในกันและกันมากแค่ไหน ? เคยคิดที่ปรับปรุงตัวเอง เพื่อความรักบ้างหรือเปล่า ?
ความรักจะอยู่กับเราได้สั้นหรือยาว จะสุขหรือทุกข์ หัวเราะหรือร้องไห้ อิ่มใจหรือเศร้าใจ......ไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง คนสองคนต่างหากที่ต้องช่วยกัน
การเลิกรานั้นเป็นเรื่องง่าย ที่อาจใช้เวลาไม่ถึงนาที
แต่กว่าที่เราจะปลูกต้นรักให้มันงดงามอีกที ต้องใช้เวลายาวนานกว่านั้นมาก
ฉะนั้นจงคิดให้ดีก่อนที่จะบอกคำๆ นั้นออกไปคิดให้รอบคอบว่ามันเป็นทางออกของปัญหาจริงหรือ ?
เพราะเมื่อตัดสินใจไปแล้วเราเองนั่นแหละอาจต้องมานั่งเสียใจเอง พูดออกไปแล้วคิดจะดึงมันกลับคืนคงเป็นไปไม่ได้ อยากจะลบคำพูดนั้นออกไปจากหัวใจเขา......มันก็อาจจะสายเกินไป........
ปัญหาหนึ่งของคนที่รักกันมาสักระยะมักเจอเหมือนกันก็คือ อยากมีความสุขกับความรักให้มากกว่าที่เป็นอยู่ดังนั้นทุกครั้งที่ความรักมีปัญหาหรือต้องทะเลาะกัน สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักจะคิดเสมอ คือ การเลิกราให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเสียทีเพราะคิดว่าคงจะดีกว่าการเสียเวลาให้กับความรักที่เหลือก็แต่เพียงรสขมจริงอยู่ที่เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข การปล่อยมือแล้วแยกทางกันเดิน เพื่อไปตามทางของใครของมัน น่าจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด แต่ผมว่าบางทีสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าการตัดสินใจเลิกรากันง่ายๆ ก็คือ ความพยายาม
ความพยายามของทั้งสองคนที่เผชิญกับปัญหา อดทนกับมันอย่างตรงไปตรงมาและช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรค ไม่ว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหน เราเคยพยายามกันอย่างทั่วถึงที่สุดแล้วหรือยัง ?
เพราะแม้วันนี้เราจะเลิกคบกันไปจริงๆ แต่หากในวันข้างหน้าเราคบกับคนใหม่ก็อาจจะเจอกับปัญหาใหม่ๆ ที่รออยู่ข้างหน้าอีก อย่าลืมว่าปัญหาไม่ได้จบลง พร้อมๆ กับการเลิกรากันแต่อย่างใด เพราะบางคนแม้เลิกรากับคนเก่าไป ก็ใช่ว่าจะมีความรักที่ีดีกับคนใหม่ได้ บางคนมีแนวโน้มที่จะเลิกกับคนรัก บ่อยกว่าคนอื่นด้วยซ้ำไป ผมว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเครื่องชี้วัดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคุณภาพความรักว่าคนรักกันที่ยอมเลิกรากันง่ายๆ เพียงเพราะปัญหาเล็กๆ น้อยๆ นั้นเป็นคนไม่มีคุณค่ามากพอที่จะฝากความรักความจริงใจไว้ให้ เพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง สิ่งที่พวกเขาทำได้และคุ้นเคยคือ การมองหาเป้าหมายใหม่อยู่เรื่อยไปอันที่จริงผมไม่ต้องการสนับสนุนให้ใครต้องดันทุรังคบกันแต่อย่างใด ถ้าหากไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะทำอย่างนั้น ผมอยากให้คนสองคนที่รักกันได้ทบทวนว่า ที่ผ่านมาเราเคยที่จะช่วยแก้ไขปัญหาอย่างถึงที่สุดแล้วหรือยัง ? เคยคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาบ้างหรือเปล่า ? เคยยอมรับในกันและกันมากแค่ไหน ? เคยคิดที่ปรับปรุงตัวเอง เพื่อความรักบ้างหรือเปล่า ?
ความรักจะอยู่กับเราได้สั้นหรือยาว จะสุขหรือทุกข์ หัวเราะหรือร้องไห้ อิ่มใจหรือเศร้าใจ......ไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง คนสองคนต่างหากที่ต้องช่วยกัน
การเลิกรานั้นเป็นเรื่องง่าย ที่อาจใช้เวลาไม่ถึงนาที
แต่กว่าที่เราจะปลูกต้นรักให้มันงดงามอีกที ต้องใช้เวลายาวนานกว่านั้นมาก
ฉะนั้นจงคิดให้ดีก่อนที่จะบอกคำๆ นั้นออกไปคิดให้รอบคอบว่ามันเป็นทางออกของปัญหาจริงหรือ ?
เพราะเมื่อตัดสินใจไปแล้วเราเองนั่นแหละอาจต้องมานั่งเสียใจเอง พูดออกไปแล้วคิดจะดึงมันกลับคืนคงเป็นไปไม่ได้ อยากจะลบคำพูดนั้นออกไปจากหัวใจเขา......มันก็อาจจะสายเกินไป........
โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 4)
ตอนที่ 4 ไม่แคร์แย่กว่าเลิกกัน
การที่ใครสักคนจะได้ชื่อว่าเป็น แฟน เรา เชื่อนะว่าคนคนนั้นย่อมเป็นคนที่มีคุณค่าต่อจิตใจและมีความหมายต่อชีวิตของเราไม่น้อยทุกการกระทำทุกคำพูดพูดรวมถึงทุกอาการที่สื่อสารไปถึงอีกฝ่าย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนจำเป็นต้องใส่ใจเป็นอย่างดี เพื่อให้สิ่งต่างๆ ที่ไม่ดี กระทบกับความรักที่เรามีต่อกันให้น้อยที่สุดเหมือนตอนที่คบกันใหม่ๆ เราต่างประคบประหงมความรักกันเป็นอย่างดี ไม่เคยผิดนัด ไม่เคยผิดสัญญา ไม่ทำให้เสียหน้า ไม่ทำให้เสียใจ หากงอนกันก็รีบง้อไม่ปล่อยข้ามคืน เวลาทะเลาะกันก็รู้จักที่จะเอ่ยคำขอโทษทั้งที่ตัวเองไม่ผิด รู้จักพูดคำว่าไม่เป็นไรหรอกเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากขอโทษ ถึงวันสำคัญก็มักจะมีสิ่งที่ทำให้อีกคนประทับใจอยู่เสมอ พาไปไหนก็ไ้ด้โดยไม่เคยบ่นสักคำ แต่พอคบกันไปนานๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็ค่อยๆ เลือนหายไป สุดท้ายจากที่คิดว่าเราใส่ใจกันกลายเป็นอาการเย็นชาต่อกันเข้ามาแทน
การที่คนที่ได้ชื่อว่ารักกันเห็นหน้ากันทุกวัน แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีความรักให้แก่กันอีกนั้น
มันทรมานยิ่งกว่าการต้องจบกัน ด้วยการเลิกราเสียอีก
เพราะอย่างน้อยที่สุดจะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคาในหัวใจ จะได้เริ่มทำใจและมีชีวิตใหม่เสียที ถ้าต่างฝ่ายต่างยัง รักกัน อย่างจริงใจ และรู้จักแคร์ความรู้สึกกันและกันให้มากกว่านี้
เพราะคนที่ได้ขึ้นชื่อว่ารักกันนั้น ต้องทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราต่าง คือ คนสำคัญในชีวิตกันและกัน
เพื่อความรักจะได้ยืนยาวและลงเอยด้วยดี อย่างที่ทั้งคู่ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ต้น
โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 3)
ตอนที่ 3 สิ่งที่คนรักกันเขาไม่ทำ
เคยได้ยินคู่รักบางคู่พูดกันบ่อยๆ ว่า ยิ่งคบกันนานก็จะยิ่งรักกันมากขึ้นทุกที พอๆ กับได้ยินบางคู่บ่นออกมาว่ายิ่งคบกันนานความรักก็จะยิ่งจืดจางลงไปทุกวัน ทั้งสองอย่างนี้มันมีโอกาสเกิดขึ้นเท่าๆ กัน 50:50 เพราะไม่ว่าเราจะแน่ใจแค่ไหนกับความรักก็มักจะมีเรื่องของความไม่แน่นอนเกิดขึ้นทุกวี่วันเช่นกันรวมถึงการจะเป็นคนรักที่ดีของกันและกัน บางครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก ความรักที่หอมหวานในวันนี้อาจจะขม จนยากจะกินลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็ได้
ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกของหัวใจ ถ้าเราไม่สามารถทำให้คนรักรู้สึกได้ว่า
เขา คือ คนสำคัญ
แล้วคำว่า " รัก " จะมีความหมายอะไร แม้ว่าการกระทำจะสะท้อนถึงความรู้สึกในใจที่มีต่อกัน แต่ก็มีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่คนที่ได้ขึ้นชื่อว่า " คนรักกัน" เขาไม่ทำกันให้เจ็บใจ
ผมว่าสิ่งที่คนรักกันต้องให้ความสำคัญที่สุด คือการเอาใจใส่ต่อความรู้สึกของคนที่ตัวเองรัก เพราะนั่นเป็นเครื่องบ่งบอกว่า
เขาเป็นคนสำคัญของเราจริงๆ
ทั้งหมดนั้นไม่ใช่จะเป็นเพียงแค่คำพูดที่สวยหรูเท่านั้น การกระทำที่ออกมาจากข้างในต่างหากที่เราควรตระหนักทุกครั้งก่อนที่จะทำอะไรลงไป
อย่าพูดแค่ว่า "ไม่ได้ตั้งใจ" แล้วคิดว่าทุกอย่างจะจบลงง่ายๆ เพราะแผลที่บาดลึกในหัวใจ รักษาด้วยคำพูดง่ายๆ อย่างนี้ไม่ได้แน่นอน
โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 2)
ตอนที่ 2 โปรโมชั่นของความรัก
ชีวิตรักก็คงเหมือนกับชีวิตการทำงาน ตอนได้งานที่ใหม่แรกๆ เราก็คิดว่าทุกอย่างที่นี่ดีกว่าที่เก่าไปเสียทุกอย่าง นั่นก็ดีนี่ก็ใช่......ทำงานไปอย่างมีความสุข แต่เมื่อผ่านช่วงเวลาหนึ่งไปแล้วทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมจากที่เคยคิดว่าจะเจอสิ่งที่ดีกว่าที่ทำงานเก่ากลับกลายมาเจอนรกขุมใหม่ที่เลวร้ายกว่าเดิมเสียอีกกับความรักนั้นแม้มันจะต่างกับการทำงานอยู่บ้าง แต่ก็เหมือนกันตรงที่ว่าทุกอย่างมีขีดจำกัดของมัน มีจุดสูงสุดและข้อจำกัดที่แต่ละคนมี (ไม่เท่ากัน) เช่นกัน
ดังนั้นจะดีที่สุดหากเราไม่หลงระเริง กับความรักที่มีมากเกินไปในวันนี้
หรือคิดน้อยใจหากรู้สึกว่า ความรักที่ได้รับนั้นน้อยเกินควร
ไม่ว่าวันนี้ความรักจะดูหวานแหววสักแค่ไหน หรือเมื่อถึงช่วงหมดโปรโมชั่นมันจะข่มขื่นเพียงใด สิ่งที่สำคัญอยู่ที่ว่าเราจะมั่นคงกับความรักได้มากน้อยแค่ไหน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่บอกยากว่าตกลงเรายังรักกันอยู่หรือว่าหมดเยื่อใยกันแล้ว เป็นบรรยากาศของความอึมครึมที่ปกคลุมความรู้สึกระหว่างกันและกัน ความรู้สึกว่าห่างไกลกันเหลือกิน แม้จะอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือถึงความน่าเบื่อหน่ายความน่ารำคาญเหล่านี้อาจเกิดจากการต้องเห็นกันจนชินตาเป็นแบบเดิมอยู่ทุกวัน มันหมดลุ้นและไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้แม้มันอาจทำให้เราเจ็บปวดบ้างก็จริงแต่มันก็ไม่ได้เป็นเครื่องบ่งบอกว่า
เราสิ้นเยื่อขาดใยกันแล้วแต่อย่างใด
มันอาจเป็นเพียงช่วงของความสับสนของหัวใจ เพราะเมื่อมาถึงจุดๆ หนึ่งที่ต่างฝ่ายต่างเรียนรู้นิสัยใจคอกันพอสมควร
เป็นไปได้ว่าลึกๆ แล้วอาจมีบ้างคนที่แต่ละคนจะคิดขึ้นมาแวบหนึ่งว่าจะไปต่อหรือจะแยกทางกันดี เรียกว่าอยู่ในช่วงรอการตัดสินใจแต่เมื่อผ่านจุดนี้ไปได้ ทุกอย่างจะกลับมามีสีสันเหมือนเดิมหรือเข้าใจกันมากขึ้นเสียด้วยซ้ำหรือถ้าหากต้องจบกันไปจริงๆ มันก็คงจะดีกว่าการคาราคาซังอยู่อย่างนี้ การพูดคุยกันด้วยเหตุและผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ย่อมดีกว่าการนิ่งเฉยแต่ทำร้ายใจกันตลอดเวลาแน่นอนแต่จะดีกว่าไหมถ้าเราจะหมั่นเติมเต็มให้กัน ก่อนที่โปรโมชั่นความรักจะหมดลง เพราะน้ำนิ่งในบ่อที่ไม่ได้รับการถ่ายเทหรือไหลเวียนบ้าง น้ำนั้นจะเน่าเสียได้ง่ายกว่าน้ำที่ไหลอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเรารู้ใจตัวเอง รู้ทันความรักเร็วเท่าไหร่ ความรักเราก็จะยิ่งยืนยาวยิ่งขึ้นเท่านั้น
โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข (ตอนที่ 1)
ตอนที่ 1 ความรัก เริ่มต้นทำไมต้องสุข จุดจบทำไมต้องเศร้า :(
ความรักของเราแต่ละคนอาจเริ่มต้นจากการพบกันโดยบังเอิญ มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกันตอนไปงานเลี้ยง งานวันเกิดเพื่อนทำงานที่เดียวกันหรือรู้จักมักคุ้นกันตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าเราจะพบเจอกันด้วยเหตุการณ์แบบไหน การเริ่มต้นของความรักก็มักเริ่มจากความสุขและความงดงามเสมอ มีความทรงจำและความประทับใจในกันและกันจนต้องสานสัมพันธ์ต่อทำความรู้จักตั้งแต่ผิวเผินจนมาเป็นคนรักกันในที่สุด แต่ใครจะไปรู้ว่าความรักครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร ไม่ว่าจุดเริ่มต้นจะเป็นเช่นไร สุดท้ายก็มีแต่ความเศร้้าอยู่ดี แม้เราจะพยายามทำใจให้ยอมรับกับความไม่แน่นอนบ้างแล้วส่วนหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ ก็ไม่มีใครห้ามน้ำตาไม่ให้มันไหลได้เลยสักคน
ความรักนั้นมักถูกมองว่า เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิต
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะให้ความสำคัญกับมันมากเป็นพิเศษ และพยายามสืบเสาะหาใครคนนั้นที่จะมาเป็นคู่ชีวิต เพื่อที่จะร่วมสร้างความสุข เสียงหัวเราะ มอบรอยยิ้ม มอบสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน สร้างอนาคตที่สดใสใช้วันคืนและแบ่งปันความสุขความทุกข์ที่มีร่วมกัน เมื่อถึึงวันนั้นเราจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้มันอยู่กับเราไปนานๆ
แต่ความรักมันก็เหมือนเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตที่เราได้แต่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้น รักกันให้ดีๆ ทำแต่สิ่งดีๆ พูดแต่สิ่งดีๆ มอบแต่สิ่งดีๆ ให้คนที่เรารัก แต่มันจะลงเอยอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่อาจกำหนดผลได้จะหวังหรือผิดหวังก็เป็นเพียงสิ่งที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ทั้งสองทาง เราคงไม่อาจไปทัดทานอะไรได้
หากเขาเป็นคนที่ใช่.........สุดท้ายมันก็คือใช่ แต่หากเขาไม่ใช่..........จะยื้ออย่างไร
ก็คงอยู่กับเราได้ไม่นานนัก : )
กับคำถามที่ว่าความรักมักเริ่มต้นด้วยความสุข และจุดจบจะต้องเศร้า จึงไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป......
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)